นักเรียนจะปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในสังคมได้อย่างไร

ทุกสังคมต้องการพลเมืองที่ดี เพื่อที่จะสามารถนำพาความเจริญก้าวหน้ามาสู่สังคมและประเทศชาติได้อย่างมั่นคง เราควรเริ่มต้นจากการปลูกฝังให้เด็กได้รู้จักหน้าที่ของการเป็นพลเมืองที่ดี โดยมีผู้ใหญ่ทำตัวเป็นแบบอย่าง เพราะเมื่อเด็กเติบโตขึ้น พวกเขาจะได้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพอย่างที่ทุกคนในสังคมต้องการ

          การปฏิบัติตนในฐานะตนในฐานะสมาชิกของชุมชน  สามารถทำได้หลายวิธี  ซึ่งในวัยของนักเรียนควรปฏิบัติ  ดังนี้

               1.  ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของชุมชน  เช่น  ปฏิบัติตามกฎจราจร  โดยข้ามถนนตรงทางม้าลาย  หรือสะพานลอย  ไม่วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถ  ไม่ทิ้งขยะลงในที่สาธารณะ  ไม่ทำลายสิ่งของที่เป็นของสาธารณะ  และทรัพย์สินส่วนตัวของผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายเพราะความสนุกสนานของตนเอง

               2.  เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน  เพื่อช่วยรักษาและเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีของชุมชนไว้  ในแต่ละชุมชนจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา  เช่น  ประเพณีการทำบุญเมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนา  ประเพณีวันสงกรานต์  ประเพณีวันลอยกระทง

               3.  บำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน  เช่น  ช่วยเก็บเศษขยะที่พบเห็นในบริเวณต่าง ๆ ช่วยดูแลต้นไม้  ดอกไม้ในสวนสาธารณะของชุมชน

               4.  ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชน  โดยให้ทุกคนในชุมชนมีจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม  เช่น  ชุมชนที่มีป่าชายเลน  ควรจะร่วมใจกันอนุรักษ์ป่าชายเลน  เพื่อให้เป็นที่อยู่ของสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นแหล่งหลบภัยของลูกสัตว์น้ำอีกด้วย

               ชุมชนที่อยู่ติดชายทะเล  ควรร่วมใจกันรักษาความสะอาดของชายหาด  เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของชุมชน

               การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนควรเป็นความร่วมมือกันหลายฝ่ายระหว่างบ้าน  โรงเรียน  และชุมชน

3.4 การเป็นสมาชิกที่ดีของประเทศชาติและสังคมโลก

1. เคารพกฎหมายและปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคม

เมื่อพลเมืองทุกคนปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคม และบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น ไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้ะอื่น หรือไม่กระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดก็จะทำให้รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณในการป้องกัน  ปราบปรามและจับกุมผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษ  

นอกจากนี้ยังทำให้สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุขทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ไม่หวาดระแวงคิดร้ายต่อกัน

2.เป็นผู้มีเหตุผล  และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

ทุกคนย่อมมีอิสระเสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน  ซึ่งการรู้จักการใช้เหตุผลในการดำเนินงาน จะทำให้ช่วยประสาน

ความสัมพันธ์ ทำให้เกิดความเข้าใจอันดีงามต่อกัน

3.ยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ 

เมื่อมีความขัดแย้งกันในการดำเนินกิจกรรมอันเกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน  และจำเป็นต้องตัดสินปัญหาด้วยการใช้เสียงข้างมากเข้าช่วย และมติส่วนใหญ่ตกลงว่าอย่างไร  ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับความคิดของเรา เราก็ต้องปฎิบัติตาม เพราะเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่นั้น

4.เป็นผู้นำมีน้ำใจประชาธิปไตย  และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม

ผู้ที่มีความเป็นประชาธิปไตยนั้น จะต้องมีความเสียสละ ในเรื่องที่จำเป็น เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมและรักษาไว้ซึ่งสังคมประชาธิปไตย  เป็นการส่งผลต่อความมั่นคง และความก้าวหน้าขององค์กร  ซึ่งสุดท้ายแล้วผลประโยชน์ดังกล่าวก็ย้อนกลับมาสู่สมาชิกของสังคม  เช่นการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง  ถึงแม้ว่าเราจะมีอาชีพบางอย่างที่มีรายได้ตลอดเวลา เช่นค้าขาย แต่ก็ยอมเสียเวลาค้าขายเพื่อไปลงสิทธิ์เลือกตั้ง บางครั้งเราต้องมีน้ำใจช่วยเหลือกิจกรรมส่วนร่วม  เช่น การสมัครเป็นกรรมการเลือกตั้ง   หรือสมาคมบำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น

5.เคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น  

ควรรูจักเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นเช่นบุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  การพูด แต่ต้องไม่เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นที่ใส่ร้ายผู้อื่นให้เสียหาย

6.มีความรับผิดชอบต่อตนเอง  สังคม ชุมชน ประเทศชาติ   

ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ย่อมต้องมีการทำงานเป็นหมู่คณะ  จึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในงานนั้นๆให้สมาชิกแต่ละคนนำไป

ปฎิบัติตามที่ได้รับหมอบหมายไว้อย่างเต็มที่

7.มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมือง  การปกครอง  

ในสังคมประชาธิประไตยนั้นสมาชิกทุกคนต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง  เช่น การเลือกตั้ง เป็นต้น

8.มีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาเศษฐกิจ  สังคม  การเมืองการปกครอง  

ช่วยสอดส่องพฤติกรรมมั่วสุมของเยาวชนในสถานบันเทิงต่าง  ไม่หลงเชื่อข่าวลือคำกล่าวร้ายโจมตี ไม่มองผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเราเป็นศัตรู  รวมถึงสงเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆด้วยสันติวิธี  

9. มีคุณธรรม  จริยธรรม  และปฎิบัติตนตามหลักธรรม 

ทุกคนควรมีศีลธรรมไว้เป็นหลักในการควบคุมพฤติกรรมของบุคลให้ดำเนินไปอย่างเหมาะสม  ถึงแม้จะไม่มีบทลงโทษใดๆก็ตาม

การมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครอง

การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตย  ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้  ดังนี้

1. การใช้สิทธิในกรเลือกตั้งระดับต่างๆ   

 เมื่ออายุครบ  18   ปีบริบูรณ์  ทุคนต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งในระดับประเทศ เช่นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา   และการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เช่น  การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร   การเลือกตั้งสมาชิกองค์กรส่วนท้องถิ่น  เป็นต้น  เพื่อเลือกตัวแทนไปทำหน้าที่บริหารประเทศหรือท้องถิ่นทั่วไป

2. การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ  

ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนทุกคนล้วนมีส่วนร่วมมือกันสอดส่องดูแลการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลหรือตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ในองค์กรต่างๆ เพื่อไม่ให้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง

3. การเป็นแกนนำปลุกจิตสำนึกให้แก่ผู้อื่นในการร่วมกิจกรรมทางการเมืองการปกครอง  

ได้แก่การใช้สิทธิเลือกตั้งและการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอำนาจของรัฐ  โดยการเป็นแกนนำนั้น สามารถปฎิบัติได้หลายอย่าง เช่น  ประกาศโฆษณาประชาสัมพันธ์  การเข้าไปชี้แจงเป็นรายบุคคลการจัดให้มีการประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นที่มีผลกระทบต่อสังคม

นักเรียนมีแนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของสังคมและประเทศชาติอย่างไร

1) เคารพในระเบียบของกฎหมายท้องถิ่นและกฎหมายบ้านเมือง 2) มีส่วนร่วมในท้องถิ่นทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 3) ร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อสร้างสรรค์ความสามัคคีและพัฒนาชุมชน 4) ร่วมแสดงความคิดเห็นโดยยึดหลักเหตุผล 5) มีการตัดสินใจโดยมีข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ซึ่งการตัดสินใจต้องกระทำให้ถูกต้อง

นักเรียนจะปฏิบัติตนเป็นคนดีได้อย่างไร

ด้านสังคม - การแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล - รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น - ยอมรับเมื่อผู้อื่นมีเหตุผลที่ดีกว่า - ตัดสินใจโดยการใช่เหตุผลมากกว่าอารมณ์ - เคารพกฎระเบียบของสังคม - มีจิตสาธารณะ คือ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และ รักษาสาธารณะสมบัติ ด้านเศรษฐกิจ - รู้จักประหยัดและอดออมในครอบครัว - มีความซื่อสัตย์สุจริตต่ออาชีพ ...

นักเรียนปฏิบัติตามหน้าที่พลเมืองอย่างไร

คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี.
การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม.
การมีระเบียบวินัยและรับผิดชอบต่อหน้าที่.
รับฟังความคิดเป็นขอบกันและกันและเคารพในมติของเสียงส่วนมาก.
ความซื่อสัตย์สุจริต.
ความสามัคคี.
ความละอายและเกรงกลัวในการกระทำชั่ว.
ความกล้าหาญและเชื่อมั่นในตนเอง.

การประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดีส่งผลอย่างไรต่อสังคมบ้าง

พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย จึงหมายถึง พลเมืองที่มีคุณลักษณะที่สำคัญ คือเป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลัการทางประชาธิปไตยในการดำรงชีวิต ปฎิบัติตนตามกฎหมาย ดำรงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาสังคม และ ประเทศชาติ ให้เป็นประเทศประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตาม ...

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก