แม้ว่าในปัจจุบันการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นจะเป็นเรื่องง่ายดายไปแล้ว แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือการวางแผนเดินทางและการคำนวณงบประมาณ ที่หลายๆ คนยังไม่มั่นใจว่าต้องใช้งบเท่าไรถึงจะพอ หรือมีงบอยู่แค่นี้ จะเที่ยวได้มากแค่ไหน เราจึงมาแนะนำสูตรในการคำนวณงบ ข้อมูลค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการเที่ยวญี่ปุ่น รวมถึงตัวอย่างทริปสำหรับงบแต่ละระดับ
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศในฝันของใครหลายๆ คน และหลายคนก็คิดว่าการไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น จะต้องมีเงินอย่างน้อย 30,000-40,000 ถึงจะไปได้ ทำให้ไม่กล้าที่จะทำตามความฝัน แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า เที่ยวญี่ปุ่นด้วยงบเพียง 20,000 นั้น ทำได้จริง! ด้วยเทคนิคต่อไปนี้ จะมีอะไรบ้าง ค่อยๆ ดูไปพร้อมกันเลยครับ
1.เรียนรู้เรื่องค่าใช้จ่าย
ซึ่งในงบ 20,000 นั้น ผมขอยกตัวอย่างในแผนการเดินทาง 5 วัน 4 คืน นะครับ ซึ่งก่อนอื่นเราต้องแบ่งค่าใช้จ่ายเป็น 2 ส่วนก่อนครับ คือ ค่าใช้จ่ายคงที่ และ ไม่คงที่ โดยหัวใจหลักที่จะเป็นตัวตัดสินว่าทริปในฝันของเรานั้นจะถูก หรือ แพง ก็คือ ค่าใช้จ่ายคงที่ โดยจะประกอบไปด้วย ค่าตั๋วเครื่องบิน กับ ค่าโรงแรมครับ ซึ่งในส่วนนี้เราควรหาให้ได้ในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้าหากทำได้ เราก็จะเหลือเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายไม่คงที่ และเผลอๆ อาจจะเหลือบางส่วนไว้จ่าย “โบนัส” ให้ตัวเองอีกด้วย
2.จองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกที่สุด
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า ราคาตั๋วเครื่องบินเป็นหนึ่งในสองสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดราคาทริปเรา ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องหาให้ถูกที่สุด ซึ่งเทคนิคในการหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกนั้น ก็มีอยู่หลายวิธีครับ เช่น กดติดตามเพจต่างๆ ที่เขามักจะนำโปรโมชั่นตั๋วราคาถูกๆ มาบอกต่อ เช่น ar-pae.com หรือ ติดโปร – PRO addict ฯลฯ เมื่อติดตามแล้ว เราเพียงแค่คอยเฝ้าระวัง และ ฉวยให้ไวกว่าคนอื่น เท่านี้ก็สามารถได้ตั๋วราคาถูกมาครองแล้วครับ
หลายคนอาจจะจองไม่ทันคนอื่น ไม่ได้ตั๋วถูกๆ สักที อย่าพึ่งน้อยใจไปครับ ยังมีอีกวิธีนึง ไม่ต้องแก่งแย่งกับใครให้หัวเสีย ขอแค่เพียงมีวินัยเท่านั้นเองครับ ซึ่งวิธีนี้ทำให้ผมได้ตั๋วของสายการบินฟูลเซอร์วิส ในราคาเพียง 8,650 บาทเท่านั้น! ในช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะ สุดยอดไหมครับ สิ่งที่ผมทำก็คือ ให้เราเช็คราคาตั๋วเครื่องบินในเว็บหรือแอพของเอเจนซี่ที่จำหน่ายตั๋วเครื่องบินทุกวัน เพราะราคาในแต่ละวันนั้นจะไม่เท่ากันครับ
เช่น เราตั้งใจจะเดินทางในวันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน 2021 ในอีก 10 เดือนข้างหน้า และ ปัจจุบันวันนี้คือ วันที่ 1 มกราคม 2021 ก็ให้เราเช็คราคาตั๋วของวันที่ 21 พฤศจิกายน 2021 ไปเรื่อยๆ เช็คทุกวัน วันละ 1-3 ครั้งก็ได้ครับ เดี๋ยวก็เจอราคาที่อยู่ในงบที่เราตั้งไว้ครับ หรือ อีกหนึ่งทางเลือก คือ เลือกเที่ยวในช่วง Low Season ของญี่ปุ่น หรือ ในหน้าร้อนของญี่ปุ่น ในช่วงนั้นราคาตั๋วเครื่องบินและที่พักจะค่อนข้างถูกมาก แต่ไม่ใช่ว่าเป็นหน้า Low Season แล้วจะเที่ยวไม่สนุกนะครับ ขอบอกว่าญี่ปุ่นนั้น ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง รับรองสนุกแน่นอน ผมขอแนะนำว่าค่าตั๋วเครื่องบินนั้น ควรอยู่ในงบที่ไม่เกิน 12,000 บาทครับ เพราะจะได้เหลือเงินไว้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไปครับ
3.หาที่พักราคาประหยัด
ไม่ว่าจะเป็นการจองผ่านเอเจนซี่ หรือ จะเป็นที่พักที่มีโฮสดูแลอย่าง airbnb ในส่วนนี้ผมจะพูดถึงการจองผ่านเอเจนซี่อย่างเดียวละกันนะครับ เช่น booking.com agoda.com ฯลฯ โดยพัก 4 คืน งบควรไม่เกิน 3,000 บาท ครับ หลายคนอ่านแล้วอาจจะตกใจ ญี่ปุ่นคืนละ 750 บาท มีด้วยหรอ? ขอบอกว่ามีครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกสท์เฮาส์และที่พักแบบอพาร์ทเมนท์ แต่แบบโรงแรมก็มี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบไหน ผมขอแนะนำว่า ควรพิจารณาในเรื่องของ ทำเล ความสะดวก และความปลอดภัยด้วย ถูกและดี มีอยู่จริงครับ
4.เรียนรู้เรื่องพาสและคำนวนค่าเดินทางในแต่ละวัน
ด้วยงบที่เรามีจำกัด สิ่งที่จะช่วยให้เราประหยัดได้อีกทางคือ การศึกษาข้อมูลให้มาก และ วางแผนการเดินทางให้ละเอียด ในส่วนนี้นอกจากจะทำให้ประหยัดแล้ว อาจจะทำให้เราสามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า ค่าเดินทางที่เป็นค่าใช้จ่ายไม่คงที่นั้น ในแต่ละวันจะต้องจ่ายแน่นอนเป็นเงินเท่าไหร่ ในส่วนของพาสนั้น ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือตั๋วแบบเหมาจ่ายนั่นเอง
โดยการจะเลือกพาสได้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนว่า ในหนึ่งวันนั้น เราเดินทางไปไหนบ้าง และคิดเป็นเงินเท่าไหร่ โดยสามารถเช็คได้จาก google หรือ hyperdia ก็ได้ครับ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ แล้วกัน สมมุตวันนี้คุณมีแผนจะเที่ยวในเมืองเกียวโต โดยจะไปทั้งหมด 3 ที่ คือ Kinkaku-ji ,Kiyomizu-dera และ Fushimi-inari ซึ่งหากคุณเริ่มต้นเดินทางจากสถานีรถไฟ Kyoto ไปครบทั้ง 3 ที่นั้น ค่าเดินทางจะอยู่ที่ 1080¥ แต่ถ้าคุณถือพาส Kyoto Bus Pass แบบ 1 วัน คุณจะสามารถขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัดรอบ และ ที่สำคัญราคาเพียง 500¥ เท่านั้น เห็นไหมครับว่า ประหยัดไปตั้ง 580¥ แน่ะ
5.รู้จักการหาของกินแบบประหยัด และ การจ่ายโบนัสให้ตัวเอง
เรื่องของค่าอาหารในแต่ละวันนั้นจะไม่แน่นอนเพราะแต่ละคนนั้นกินไม่เหมือนกัน แต่ควรกำหนดไว้คร่าวๆ ว่า ในหนึ่งวันนั้น เรามีงบค่าอาหารอยู่ที่เท่าไหร่ และใช้จ่ายให้อยู่ในงบ การหาของกินแบบประหยัดๆ ก็ทำได้ไม่ยากถึงแม้จะเป็นญี่ปุ่นก็เถอะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ของกินในร้านสะดวกซื้อ ก็ไม่แพงครับ จำพวกข้าวปั้นก็อิ่มอร่อย ตอนผมไป มื้อเช้าส่วนใหญ่ผมก็กินข้าวปั้นเพราะถูกและสะดวก โดยข้าวปั้น 1 ก้อนจะอยู่ที่ 120¥ หรือราวๆ 40 บาทเท่านั้นเองครับ
แต่ผมขอแนะนำว่า เราไม่ควรกินแบบนี้ทุกมื้อ มาญี่ปุ่นทั้งทีควรทานอะไรที่อยากทานด้วย เช่น เนื้อวากิวย่าง ราเมงอร่อยๆ ซูชิเจ้าดัง ซึ่งราคาอาจจะสูงนิดนึง แต่ให้เรานำเงินส่วนที่เหลือในแต่ละวัน กับ “โบนัส” หรือ ส่วนต่างจากงบที่ตั้งไว้มาจ่าย เช่น เราตั้งงบตั๋วเครื่องบินไว้ที่ 12,000 บาท แต่เราจองได้ที่ราคา 10,000 บาท นั่นหมายความว่าเราก็จะเหลือ 2,000 บาท มาเป็นโบนัสให้กับตัวเองไว้ใช้กิน ใช้ช้อปตามที่เราอยากทำครับ
สำหรับ 5 เทคนิคที่กล่าวไปนั้น อยากให้ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ แล้วจะรู้ว่า เที่ยวญี่ปุ่นด้วยงบเพียง 20,000 นั้น ทำได้จริง! และทริปในความฝันของคุณ ก็จะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปครับ