เกี่ยวกับ สายการบินนกแอร์ (Nok Air)
นกแอร์ หรือ Nok Air (รหัส IATA: DD) เป็นสายการบินราคาประหยัดที่เน้นให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ จากสนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่ นกแอร์จดทะเบียนภายใต้บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ที่เกิดจากการลงทุนร่วมกันของภาคเอกชนและนักลงทุนทั่วไป สายการบินมีผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนได้แก่ การบินไทย 39% คุณณัฐพล จุฬางกูร 10% ผู้ถือหุ้น 10 คนแรก คือ คุณทวีฉัตร จึฬางกูร 3.59% ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 3.44% และซีอีโอของนกแอร์ คุณพาที สารสิน 3.44% นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นสัดส่วนน้อยกว่า 2% ได้แก่ ธนาคารเครดิตสวิส (สิงคโปร์) คุณสุวิทย์ สัมพัฒนวรชัย คุณนุรักษ์ มหัทธนะอานนท์ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด และคุณอดิเทพ พิศาลบุตร์ นกแอร์มุ่งมั่นนำเสนอบริการด้วยมิตรภาพและความเป็นมืออาชีพ ด้วยแคมเปญที่แหวกแนวและสร้างสรรค์เสมอ ผู้โดยสารจะได้รับการบริการจากลูกเรือที่ร่าเริงและเป็นมิตร และกิจกรรมต่างๆ ที่เข้าถึงทุกท่าน นกแอร์มีนโยบายภายในคือความโปร่งใสและเปิดกว้างแก่ผู้ร่วมงานทุกคน และเมื่อเป็นเรื่องของการให้บริการ นกแอร์คือเพื่อนร่วมทางของผู้โดยสาร ที่พร้อมให้บริการทุกท่านดุจราชาและราชินี สำนักงานใหญ่ของนกแอร์ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยมีสำนักงานขาย 30 แห่ง ให้บริการตามสนามบินปลายทางต่างๆ นอกจากนี้ นกแอร์ยังมีสำนักงานใหญ่ที่เชียงใหม่อีกแห่งด้วย นกแอร์ มีสโลแกนแรกคือ “ทุกเที่ยวบินมีรอยยิ้ม – We Fly Smiles” เพื่อสื่อถึงรอยยิ้มของคนไทย ในเดือนมิถุนายน ปี 2006 นกแอร์ได้เปิดตัวสโลแกนใหม่คือ “นกแอร์…ส่งรอยยิ้มทั่วเอเชีย” พร้อมกับการก้าวไปข้างหน้าครั้งสำคัญ โดยซีอีโอของนกแอร์ คุณพาที สารสิน ได้กล่าวว่า “ในอนาคต เมื่อการเชื่อมโยงระหว่างสายการบินพันธมิตรเสร็จสมบูรณ์ นกแอร์ก็จะสามารถให้บริการจองเที่ยวบินไปยัง 160 ปลายทางในเขตพื้นที่เอเชียแปซิฟิกได้” พร้อมกันนั้น นกแอร์ยังมุ่งมั่นที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังประเทศจีนด้วย เนื่องจากจำนวนความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะมาเมืองไทยนั้นเพิ่มสูงขึ้น สโลแกนใหม่นี้ได้สื่อให้เห็นถึงกลยุทธ์ของนกแอร์ในการเป็นสายการบินใหญ่ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยสายการบินได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะขยายเส้นทางไปทั่วภูมิภาค ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 รุ่นใหม่ 15 ลำ ด้วยเหตุนี้ นกแอร์จึงเป็นผู้ให้บริการขนส่งรายแรกๆ ของไทยที่ให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 737 Max โดยนกแอร์ได้ให้บริการแก่ผู้โดยสารจำนวน 6.6 ล้านคน ด้วยเที่ยวบินรวม 603 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทั้งในและนอกประเทศ ในฐานะที่เป็นสายการบินชั้นนำของประเทศไทย นกแอร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย โดยได้รับการเสนอชื่อเป็นสายการบินราคาประหยัดชั้นนำของเอเชีย จาก World Travel Awards ในปี 2007, 2012 และ 2017 นอกจากนี้ สายการบินยังได้ถูกเสนอชื่อเป็นสายการบินราคาประหยัดชั้นนำของเอเชียในปี 2016 และ 2017 อีกด้วย ทีมลูกเรือผู้ให้บริการของนกแอร์ยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นทีมให้บริการสายการบินชั้นนำของเอเชียในปี 2017 และในการจัดลำดับทีมบริการของสายการบินที่ตรงต่อเวลาประจำปีครั้งที่ 8 ของเว็บไซต์ Flightstats.com นกแอร์ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 8 จากสายการบินราคาประหยัดทั้งหมด 28 สาย จากการให้บริการที่ตรงต่อเวลา 79.87% ด้วยตัวเลขดังกล่าวนี้ นกแอร์ก็ได้ก้าวข้ามสายการบินราคาประหยัดของอเมริกาอย่าง Frontier Airlines แล้ว นกแอร์ให้บริการด้านสันทนาการ 2 ประเภทแก่ผู้โดยสารบนเครื่อง คือ Free Wi-Fi บนเครื่อง และนกคาเฟ่บนเที่ยวบินของเครื่องรุ่น Bombardier Q400 NextGen โดยบริการ Wi-Fi บนเครื่องนี้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วยความเร็วถึง 8 mbps ส่วนนกคาเฟ่นั้นมีบริการเมนู “เนสเปรสโซ” 4 แบบ ที่มีทั้งคาปูชิโน่ ลาเต้ เอสเปรสโซ่ และอเมริกาโน่ พร้อมทั้งขนมปังโรลและน้ำแร่ที่พร้อมเสิร์ฟผู้โดยสารทุกท่านด้วย สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเครื่องดื่มและขนมอื่นๆ สามารถซื้อได้ที่นกขนม ที่มีทั้งข้าวเกรียบ ลูกอมช็อกโกแลต บะหมี่ถ้วย กาแฟ ชา น้ำผลไม้ โซดา รวมถึงเบียร์ด้วย ผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศของนกแอร์ สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมง ถึง 45 นาทีก่อนการเดินทาง สำหรับเที่ยวบินต่างประเทศ เคาน์เตอร์ให้บริการเช็คอินจะเปิดให้บริการ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง และปิดให้บริการ 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง โดยผู้โดยสารจะต้องมาถึงเกต (Gate) ขึ้นเครื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 40 นาทีก่อนเวลาเดินทาง หากผู้โดยสารไม่เช็คอินหรือเข้าเกตตามเวลาที่กำหนด สายการบินจะไม่คืนค่าใช้จ่ายไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้โดยสารสามารถโหลดสัมภาระได้ขณะที่กำลังเช็คอิน โดยนกแอร์อนุญาตให้ผู้โดยสารแต่ละท่านโหลดสัมภาระที่ตรวจสอบแล้วได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น และมีสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องได้ 1 ชิ้น โดยสัมภาระติดตัวนั้นต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และต้องมีขนาดพอดีไม่รบกวนพื้นที่ของผู้โดยสารท่านอื่น สำหรับสัมภาระที่โหลดนั้นต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และไม่เกิน 20 กิโลกรัม สำหรับเที่ยวบินต่างประเทศ หากเกินจากนี้ ผู้โดยสารต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 300 บาทต่อ 1 กิโลกรัมสำหรับน้ำหนักที่เกิน และผู้โดยสารเที่ยวบินภายนอกประเทศจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 400 บาทต่อ 1 กิโลกรัมสำหรับน้ำหนักที่เกิน ผู้โดยสารที่มีนกโปรโมชั่น (Nok Promotion) สามารถซื้อน้ำหนักสัมภาระเพิ่มเติมได้ตั้งแต่ 15 - 40 กิโลกรัม ส่วนผู้โดยสารนกประหยัด (Nok Eco) และนกเปลี่ยนได้ (Nok Flexi) จะมีโควต้าน้ำหนักสัมภาระตั้งแต่ 5 - 25 กิโลกรัม
ความเป็นมาของ สายการบินนกแอร์ (Nok Air)
นกแอร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2004 โดยบริษัท สกายเอเชีย จำกัด เริ่มให้บริการในวันที่ 23 กรกฎาคม 2004 และให้บริการเที่ยวบินนานาชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2007 ในช่วงแรก นกแอร์มีทีมพนักงานเพียง 130 คน แต่ในปี 2014 จำนวนพนักงานของสายการบินก็เพิ่มขึ้นเป็น 1,400 คน โดยมีคุณพาที สารสินเป็นซีอีโอของนกแอร์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นกแอร์เป็นสายการบินภายในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยเส้นทางบินกว่า 41 จุดหมายปลายทาง รวมถึงปลายทางเพิ่มเติมจากบริการนกไรด์อีก 32 แห่ง โดยนกแอร์ให้บริการแยกจากผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างการบินไทยตั้งแต่จุดเริ่มต้น ในปี 2014 นกแอร์ประกาศจับมือกับสายการบินสกู๊ต (Scoot Airline) จากสิงคโปร์ เพื่อเป็นพันธมิตรร่วมเส้นทางบินนานาชาติ ให้ผู้โดยสารของสกู๊ตได้บินจากสิงคโปร์ไปยังที่หมายอื่นๆ ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้เกิด นกสกู๊ต (NokScoot) สายการบินราคาประหยัดที่ตั้งอยู่ที่สนามบินดอนเมือง นอกจากเที่ยวบินไปสิงคโปร์แล้ว นกสกู๊ตยังมีเที่ยวบินต่างประเทศระยะไกลอีกด้วย อาทิ จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ส่วนเที่ยวบินไปพม่านั้นอยู่ในบริการของนกแอร์ ในปีเดียวกันนั้น นกแอร์ก็ได้เสนอบริการใหม่ ด้วยการให้บริการ Wi-Fi บนเครื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารภายในประเทศได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตขณะเดินทาง โดยบริการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างนกแอร์กับผู้ให้บริการดาวเทียมไทยคม และบริษัท Global Eagle Entertainment ในปี 2016 นกแอร์ได้เผชิญกับปัญหาสำคัญครั้งใหญ่ โดยกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2016 นกแอร์ได้ยกเลิกบริการหลายสิบเที่ยวบิน ด้วยการชี้แจ้งเหตุผลแตกต่างกัน โดยมีนักบิน 17 คนลาออกเนื่องจากไม่มั่นใจในการบริหารงานที่นำไปสู่การปลดนักบิน 10 คนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2016 และในวันที่ 10 มีนาคม 2016 นกแอร์ก็ได้ประกาศว่าปัญหาการยกเลิกเที่ยวบินนั้นยาวนานกว่าที่คาดไว้ ปัญหาดังกล่าวยังไม่จบเพียงเท่านั้น เนื่องจากยังมีความขัดแย้งครั้งใหญ่เกิดขึ้นระหว่างฝ่ายบริหารของนกแอร์และทีมพนักงานบนห้องขับ โดยเกิดข้อสงสัยถึงการแบ่งพรรคแบ่งพวกและความภักดีของนักบินต่อสายการบิน จนทำให้ปัญหาลุกลามไปอีก ในรายงานทางการเงินเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2015 สายการบินได้ยืนยันว่าอัตราการลาออกของนักบินนั้นเกินกว่าอัตราปกติ ด้วยนักบินจำนวนไม่ถึง 200 คนที่ยังคงทำงานอยู่ นกแอร์จึงเกิดปัญหาหนักมาก ดังนั้น เพื่อแก้ไขการขาดแคลนนักบิน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมแห่งประเทศไทยจึงอนุญาตให้นกแอร์เพิ่มจำนวนการว่าจ้างนักบินชาวต่างชาติเกินกว่า 40% ได้ และจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ให้โควต้าว่าจ้างนักบินต่างชาติเกิน 40% ได้นี้ทำให้นกแอร์สามารถจัดจ้างนักบินใหม่ได้ 32 คน เพิ่มจำนวนนักบินทั้งหมดของสายการบินเป็น 212 คนเมื่อถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2016 แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่นกแอร์ก็ยังคงกางปีกบินต่อไป ด้วยความร่วมมือกับธุรกิจขนส่งราคาประหยัดอีก 8 ผู้ให้บริการ ได้แก่ เจจูแอร์, นกสกู๊ต, สกู๊ตแอร์, ไทเกอร์แอร์สิงคโปร์, ไทเกอร์แอร์ออสเตรเลีย, วานิลลาแอร์ และเซบู แปซิฟิค นกแอร์ยังได้ก่อตั้งสมาพันธ์สายการบินราคาประหยัดขึ้นเป็นแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลกคือ Value Alliance โดยสมาพันธ์เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารสามารถตรวจดู เลือก และจองเที่ยวบินในราคาที่ดีที่สุดจากสายการบินสมาชิกใดก็ได้ในการซื้อตั๋วครั้งเดียว จากการเลือกใช้เทคโนโลยีล้ำยุคที่พัฒนาโดยบริษัทแอร์แบล็คบ๊อกซ์ (Air Black Box) สายการบินที่เป็นสมาชิกจึงมีปลายทางมากขึ้นและสามารถให้บริการเลือกเส้นทางได้หลากหลายขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าให้มากที่สุด ในเดือนสิงหาคม 2016 นกแอร์ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษากับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อฝึกอบรมด้าน Education Cooperation and Human Development เพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจการบินที่กำลังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นกแอร์ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับสถาบันการบินพลเรือนเพื่อคิดค้นหลักสูตรที่มีความเป็นมืออาชีพสำหรับนักศึกษาระดับอนุปริญญาและปริญญาตรี โดยหลักสูตรมีจุดประสงค์เพื่อสร้างนักบินรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนักบินของนกแอร์ ปัจจุบันนกแอร์ให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ และกรุงเทพฯ-ฮานอย จำนวน 43 เที่ยวบิน ตั้งแต่เข้าร่วมกับ Value Alliance เส้นทางการบินของนกแอร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 160 ที่หมาย พร้อมกับทีมงานจำนวนมากกว่า 5,000 คน ด้วยเส้นทางการบินที่เพิ่มขึ้น นกแอร์จึงกลายเป็นสายการบินภายในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย