เชื่อว่ามิตรชาวไร่ทุกคนคุ้นหูกันดีกับคำว่า Internet of Things หรือ IoT (ไอโอที) ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตู้เย็น โทรทัศน์ และอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยเครื่องมือต่าง ๆ จะสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้ IoT ถูกประยุกต์ใช้ในภาคเกษตรกรรม เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพโดย ใช้แรงงานคนให้น้อยที่สุด ซึ่งได้นำเทคโนโลยี RFID Sensors เข้ามาใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางการเกษตรต่าง ๆ เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้น สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ควบคุมหลักได้
ตัวอย่างที่น่าสนใจในการใช้ Internet of Things ในเกษตรสมัยใหม่ คือ มีการพัฒนาให้เกิดกระบวนการทำงานหรือการเพาะปลูกที่มีระบบหมุนเวียน อย่างเช่น Aquaponics ที่กำลังได้รับความนิยมสำหรับคนรักปลา และการปลูกพืชไร้ดินไฮโดรโปนิกส์ hydroponics มาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยใช้ของเสียจากปลาที่ผสมอยู่ในน้ำ มาหมุนเวียนใช้ร่วมกับจุลินทรีย์ต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนของเสียให้เป็นธาตุอาหารที่ผักต้องการ เพื่อใช้เป็นอาหารของผักแทนปุ๋ย
การใช้เซ็นเซอร์วัดข้อมูลต่าง ๆ อย่าง เซ็นเซอร์ตรวจอากาศ (Weather Station) เซ็นเซอร์วัดดิน (Soil Sensor) เซ็นเซอร์ตรวจโรคพืช (Plant Disease Sensor) เซ็นเซอร์ตรวจวัดผลผลิต (Yield Monitoring Sensor) เซ็นเซอร์เหล่านี้สามารถนํามาวางเป็นระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless Sensor Network) โดยนําไปติดตั้งหรือปล่อยในไร่ เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้แก่ ความชื้นในดิน อุณหภูมิ ปริมาณแสง และสารเคมี เพื่อที่จะทราบว่าควรมีการให้ปุ๋ย น้ำ ยาฆ่าแมลง เมื่อใด ปริมาณเท่าใด ตามสภาพความแตกต่างของพื้นที่
ซึ่งการให้ปุ๋ย น้ำ และยาฆ่าแมลงก็จะใช้เทคโนโลยีการให้ปุ๋ย/น้ำ/ยาฆ่าแมลง หรือที่เรียกว่า Variable Rate Technology (VRT) โดยเทคโนโลยีนี้จะใช้ระบบเซนเซอร์ในการวิเคราะห์ข้อมูลว่าแปลงใดควรจะมีการให้ปุ๋ย น้ำ และยาฆ่าแมลงเท่าใดในช่วงเวลาใด ซึ่งเทคโนโลยีจะใช้ร่วมกับ GPS นั่นเอง
ในอนาคตเราคงได้เห็นการสั่งงานเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ให้น้ำ ให้ปุ๋ยอ้อย ผ่านระบบ Internet of Things ต่อไปชาวไร่อาจเพียงแค่ทำหน้าที่บริหาร วางแผน และสั่งการง่าย ๆ ผ่านระบบเหล่านี้ แม้อาจจะดูเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มมองว่า นี่คืออนาคตของเกษตรสมัยใหม่ที่จะถูกพัฒนาขึ้นอีกมากและคงได้ใช้ในรุ่นลูกรุ่นหลานของเราแน่นอน
สวัสดีค่ะมิตรชาวไร่ ปัจจุบันแนวคิด Smart Farm หรือเกษตรอัจฉริยะ คือการทำเกษตรที่นำเอาระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่การเกษตร ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรด้านต่าง ๆ ทำให้เกิดเป็นเกษตรสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำสูงและใช้ทรัพยากรให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และการดูแลของเกษตรกร
ซึ่งแนวคิดเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานสามารถปรับใช้ได้ทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเกษตรรูปแบบนี้แตกต่างจากการทำเกษตรในอดีตคือ สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างแม่นยำและตรงตามความต้องการของพืชและสัตว์ โดยเทคโนโลยีสำคัญที่เป็นตัวเอกของแนวคิดเกษตรอัจฉริยะ คือ Internet of things (IoT) หรือที่เราเรียกว่า “อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง”
ปัจจุบัน IoT ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับหลายสิ่งหลายอย่างทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ภาคเกษตรกรรม เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพโดย ใช้แรงงานคนให้น้อยที่สุด ซึ่งนี่จึงเป็นที่มาของคำว่า เกษตรอัจฉริยะ หรือสมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) ซึ่งได้นำเทคโนโลยี RFID Sensors เข้ามาใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางการเกษตรต่าง ๆ เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้น สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ควบคุมหลักได้
ตัวอย่างการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง หรือ IoT ในการเกษตรที่เริ่มเห็นกันบ่อยขึ้น ได้แก่ การใช้เซ็นเซอร์วัดข้อมูลต่าง ๆ อย่าง เซ็นเซอร์ตรวจอากาศ (Weather Station) เซ็นเซอร์วัดดิน (Soil Sensor) เซ็นเซอร์ตรวจโรคพืช (Plant Disease Sensor) เซ็นเซอร์ตรวจวัดผลผลิต (Yield Monitoring Sensor)
เซ็นเซอร์เหล่านี้สามารถนํามาวางเป็นระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless Sensor Network) โดยนําไปติดตั้งหรือปล่อยในไร่ เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้แก่ ความชื้นในดิน อุณหภูมิ ปริมาณแสง และสารเคมี เพื่อที่จะทราบว่าควรมีการให้ปุ๋ย น้ำ ยาฆ่าแมลง เมื่อใด ปริมาณเท่าใด ตามสภาพความแตกต่างของพื้นที่
ซึ่งการให้ปุ๋ย น้ำ และยาฆ่าแมลงก็จะใช้เทคโนโลยีการให้ปุ๋ย/น้ำ/ยาฆ่าแมลง หรือที่เรียกว่า Variable Rate Technology (VRT) โดยเทคโนโลยีนี้จะใช้ระบบเซนเซอร์ในการวิเคราะห์ข้อมูลว่าแปลงใดควรจะมีการให้ปุ๋ย น้ำ และยาฆ่าแมลงเท่าใดในช่วงเวลาใด ซึ่งเทคโนโลยีจะใช้ร่วมกับ GPS นั่นเอง
ตัวอย่างเกษตรสมัยใหม่ในประเทศไทยหลากหลายรูปแบบ ได้แก่
- ระบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับโรงเรือนปลูกผักด้วยน้ำ ภายใต้การสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ออกแบบระบบควบคุมอัตโนมัติผ่านเทคโนโลยีIoT ในการติดตามสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตของผักในโรงเรือนปลูกผักด้วยน้ำผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
- ระบบสุ่มตัวอย่างวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์แบบGantry Robot ชนิดควบคุมอัตโนมัติ ใช้สุ่มตรวจคุณภาพวัตถุดิบในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและลดแรงงานในการผลิตอาหารสัตว์
- เครื่องคัดแยกกาแฟเชอร์รี่สด (Coffee Cherries Sorting Machine) มีกำลังการผลิต 50 กิโลกรัมต่อชั่วโมง เครื่องคัดแยกขนาดเมล็ดสารกาแฟ (Coffee Bean Separator Machine) มีกำลังการผลิต 100 กิโลกรัมต่อชั่วโมง
- เครื่องชุบถุงมือผ้าเคลือบยางกึ่งอัตโนมัติ นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าผลผลิตยางพารา มีกำลังการผลิต 3,000 คู่ต่อวัน
- เครื่องแยกทะลายปาล์มอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ใช้งานได้ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูง ลดการนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ
จะเห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยก้าวสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเรื่องการบริหารจัดการการเกษตรตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการแปรรูปผลผลิตสู่ธุรกิจ ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีที่ภาคเกษตรกรรมของบ้านเราพัฒนาขึ้นไม่น้อยหน้าต่างประเทศ ในส่วนของการทำไร่อ้อยสมัยใหม่ในปัจจุบันก็ถูกพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการนำนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่เข้ามาใช้งานในไร่อ้อย ช่วยให้ชาวไร่ทำไร่อ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและบริหารทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและมั่นคงยั่งยืนต่อไป