หลายๆ คนที่ติดตามข่าวคราวในแวดวงสุขภาพและความงามย่อมจะคุ้นชื่อกับกลูต้าไธโอนและคอลลาเจน ว่าทั้งสองนั้นมีสรรพคุณช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวพรรณต่างๆ ได้ แต่บางคนอาจจะสับสนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างกันแน่
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารเสริมผิวขาว กลูต้า ยี่ห้อไหนดี 10 อาหารเสริมผิวขาว กลูต้า ยี่ห้อไหนดี 2021
สรุปความแตกต่างระหว่าง กลูต้าไธโอน กับ คอลลาเจน คือ?
กลูต้าไธโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย เป็นสารที่ร่างกายสร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ กลูตาไธโอนชนิดฉีดหรือชนิดรับประทานเพื่อให้ผิวขาวใสนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ผลที่ชัดเจน
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งของกรดอมิโนที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้จากอาหารที่รับประทาน หรือ อาหารเสริมได้ โดยคอลลาเจนมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรือในร่างกาย อาทิเช่น กระดูกและข้อต่อในร่างกาย ช่วยช่อมแซมเซลล์ผิวหนังในร่างกาย ไม่ได้ทำให้ผิวขาวแต่ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการทานอาหารที่มีคอลลาเจนจะทำให้สุขภาพแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก
สรุปแล้ว กลูต้าไธโอน เป็นโปรตีนในร่างกายชนิดหนึ่ง และคอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนในร่างกายชนิดหนึ่ง โดยทั้งสองนั้นร่างกายสร้างได้เองโดยนิยมบริโภคเสริมเข้าไปเพื่อหวังผลทางด้านสุขภาพและความงาม โดยความแตกต่างคือกลูต้าไธโอนให้ผลในด้านผิวขาว เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายโดยการเพิ่มเม็ดเลือดขาว และช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ส่วนคอลลาเจนไม่ได้ทำให้ผิวขาวแต่ทำให้ผิวแข็งแรง ผิวเต่งตึง ผิวชุ่มชื้น และเป็นส่วนประกอบของกระดูกและกระดูกอ่อน
อ้างอิง : //nutramarina.blogspot.com/2017/01/glutathione-tyrosinase.html
//www.youtube.com/watch?v=xjmDpA6m2j8
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกลูต้าไธโอน
กลูตาไธโอนให้คุณประโยชน์หรือโทษกันแน่?!
ทำไมกลูต้าจึงทำให้ผิวขาว
ขณะตั้งครรภ์ใช้กลูต้าได้หรือไม่
อาหารประเภทใดที่มีกลูต้าไธโอนสูง
ผลข้างเคียงจากการบริโภคกลูต้าไธโอน
ค่านิยมผิวขาวในประวัติศาสตร์ต่างๆ
คอลลาเจน กับ วิตามินซี ทำงานให้กับผิวแตกต่างกันอย่างไร ทาหรือกินดีกว่ากัน? ทาคอลลาเจนอย่างเดียวพอไหม? วิตามินซีอย่างเดียวพอไหม? หรือควรใช้ 2 อย่างร่วมกัน? เคยสงสัยกันไหมคะ?
คอลลาเจน กับวิตามินซี เป็นส่วนผสมสุดฮิตและเป็นนางเอกตลอดกาลที่อยู่ในวงการสกินแคร์และอาหารเสริมมาอย่างยาวนาน และมีแนวโน้มที่จะอยู่ตลอดไป ด้วยความที่ว่ามีงานวิจัยปริมาณมากและหลายๆคนก็ใช้แล้วเห็นผลจริง
เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย
- คอลลาเจนคืออะไร
- วิตามินซีคืออะไร?
- คอลลาเจนกับวิตามินซีทำงานแตกต่างกันอย่างไรบนผิว?
- คอลลาเจนกับวิตามินซี ทาหรือกินดีกว่า
- คอลลาเจนกับวิตามินซี ใช้อะไรเห็นผลเร็วกว่า
คอลลาเจนคืออะไร
คอลลาเจน คือ โปรตีนเส้นใยสายยาวที่มีปริมาณมากพันกันไปมาอยู่ในอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยซัพพอร์ตให้ผิวหนังดูยืดหยุ่น คงความอ่อนวัย แต่เมื่อไรปริมาณ ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยทั้งร่องตื้นและร่องลึก รวมถึงผิวดูเหี่ยวแห้ง หยาบกร้าน
คอลลาเจนในร่างกายของเรามีหลากหลาย ชนิดแต่พบมากสุด 3 ชนิด
คอลลาเจนประเภทที่ 1 พบในผิวหนัง กระดูก เอ็น เนื้อเยื่อ
คอลลาเจนประเภทที่ 2 พบมากที่กระดูก กระดูกอ่อน
คอลลาเจนประเภทที่ 3 พบมากที่ผิวหนัง และเส้นเลือด
แต่ความจีรังยั่งยืนไม่มีจริงบนโลกใบนี้ ปริมาณคอลลาเจนลดลงเรื่อยๆเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แต่ถ้าถูกกระตุ้นด้วยความเครียด มลภาวะ แสงแดด น้ำตาล ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งทำให้ปริมาณคอลลาเจนในผิวลดลงเร็วขึ้น
วิตามินซีคืออะไร?
วิตามินซี คือ วิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อไปสนับสนุนกระบวนการต่างๆในร่างกาย เช่นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว การดูดซึมธาตุเหล็ก การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน กระดูกและฟัน วิตามินซีเป็นหนึ่งในสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด รวมถึงปัญหาผิวต่างๆไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้ากระ จุดด่างดำ ริ้วรอยด้วย
วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ละลายออกไปพร้อมปัสสาวะ ดังนั้นร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้ จึงต้องได้รับจากการทานอาหารที่มีประโยชน์เข้าไป เช่น บล๊อคโคลี่ มะนาว ส้ม สตอเบอร์รี่ กะหล่ำปลี มะเขือเทศ เป็นต้น ปริมาณที่ ThaiRDI แนะนำให้รับประทานวิตามินซีคือ 60 มก./วัน
หลายๆคนคงสงสัย ว่าตามท้องตลาดมีแต่อาหารเสริมวิตามินซี 500 หรือ 1000 มก. ต่อเม็ด เยอะเกินไปหรือเปล่า (เกินกว่า 60 มก./วัน ตาม ThaiRDA แนะนำไว้) ไม่ต้องกังวลค่ะ ปริมาณที่ได้รับ 1000 มก. เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็ละลายกับปัสสาวะออกมาหมด เหลือให้ร่างกายไม่ถึง 1000 มก. แต่จะเหลือมากน้อยเท่าไร ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนเลยค่ะ ตามที่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านแนะนำไม่ควรทานเกิน 2000 มก. ต่อวัน ไม่งั้นอาจเกิดผลตามมาเช่น ท้องเสีย หรือระคายเคืองกระเพาะอาหาร
คอลลาเจนกับวิตามินซีทำงานแตกต่างกันอย่างไรบนผิว?
วิตามินซีทำงานอย่างไรบนผิว วิตามินซีเป็น co-factor ตัวช่วยในการสร้างเอมไซม์ที่ถูกใช้เวลาสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เอมไซม์ 2 ตัวมีชื่อว่า prolyl hydroxylase และ lysyl hydroxylase
คอลลาเจน คือเส้นใยโปรตีนที่อยู่ใต้ผิว คอลลาเจนที่รับเข้าจากภายนอกในรูปแบบอาหารเสริม หรือสกินแคร์ มีหลายคนเข้าใจว่าคอลลาเจนเหล่านั้นจะเข้าไปเติมคอลลาเจนที่หดหายไปใต้ผิว แต่นั่นไม่ใช่ คอลลาเจนในรูปแบบนั้นมีขนาดใหญ่ไม่สามารถดูดซึมหรือแทรกซึมเข้าร่างกาย รวมถึงบริเวณผิวก็ผ่านเข้าไปได้ยาก หลายๆแบรนด์จึงพยายามลดขนาดลง คอลลาเจนที่ลดขนาดลง เรียกว่า ไฮโดรไลท์คอลลาเจน (hydrolyzed collagen) ซึ่งสามารถเพิ่มการแทรกซึมเข้าสู่ผิว และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปเติมคอลลาเจนใต้ผิวได้อยู่ดี เพียงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว หรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ
หลายๆผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม หรือสกินแคร์ มักจะเป็นสูตรที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนกับวิตามินซีผสมเข้าไปด้วยกัน หรือไม่ก็แบรนด์เหล่านั้นก็จะแนะนำว่าต้องทานคอลลาเจนคู่กับวิตามินซี เป็นเพราะว่าสารอาหารทั้ง 2 ตัวทำงานช่วยเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ประสิทธิภาพที่คาดหวังเห็นผลได้ชัดเจนขึ้น
คอลลาเจนกับวิตามินซี ทาหรือกินดีกว่า
โดยธรรมชาติแล้ว ผิวของเราถูกสร้างมาเพื่อปกป้องสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้ามาสู่ในร่างกายได้ง่ายๆ ราวกับว่าเป็นเกราะหุ้มส่วนสำคัญต่างๆในร่างกาย ดังนั้นสกินแคร์ก็เป็นสิ่งแปลกปลอมอย่างนึง การแทรกซึมผ่านเข้าผิวก็ค่อนข้างยาก ยิ่งถ้าสกินแคร์นั้นนั้นไม่มีส่วนผสมและนวัตกรรมที่ดีพอ ยิ่งเป็นไปได้ยาก ส่วนการกิน สารอาหารก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้วไปตามส่วนต่าง ส่วนที่เหลือก็ถูกขับออกทางปัสสาวะหรืออุจจาระ จะเห็นได้ว่าการกินมีโอกาสมากกว่าที่จะถูกดูดซึมสารอาหารเพื่อไปใช้ตามส่วนต่างๆมากกว่า เพราะแบบนี้การกินก็จะเห็นผลไวกว่าการทาบนผิว แต่ดีที่สุด ChoiceChecker แนะนำว่าทานจากอาหารมีประโยชน์และทาเพื่อบำรุงดูแลสภาพผิวภายนอก
คอลลาเจนกับวิตามินซี ใช้อะไรเห็นผลเร็วกว่า
คอลลาเจนกับวิตามินซี ใช้อะไรเห็นผลเร็วกว่าขึ้นอยู่กับว่าต้องการประสิทธิภาพด้านไหน? และที่สำคัญขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย หากต้องการเน้นประสิทธิภาพด้านความชุ่มชื้น ช่วยผิวอิ่มฟู เพิ่มความยืดหยุ่น หรือบรรเทาผิวระคายเคืองให้ผิว คอลลาเจนจะได้ผลได้ดีกว่าวิตามินซี ส่วนถ้าต้องการประสิทธิภาพในเรื่องผิวกระจ่างใส ลดฝ้ากระ จุดด่างดำ รอยดำจากสิว หรือลดเลือนริ้วรอย วิตามินซีก็จะเห็นผลไวกว่า หลายๆสกินแคร์ และอาหารเสริม โดยพื้นฐานแล้วก็มักจะใส่สารทั้ง 2 ตัวนี้มาด้วยกันซึ่งจะช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
👩⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩⚕️
Reference
- Efficacy of Vitamin C Supplementation on Collagen Synthesis and Oxidative Stress After Musculoskeletal Injuries: A Systematic Review