เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
"ปลายประสาทอักเสบ" ความผิดปกติจากภูมิคุ้มกัน แพทย์เตือนควรพบแพทย์โดยเร็วลดภาวะผิดปกติถาวร แนะวิธีสังเกตตัวเอง
กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผยร่างกายสร้างภูมิกันผิดปกติจะไปทำลายปลอกประสาทและเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้สูญเสียการรับรู้และการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ แนะควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบเรื้อรัง (chronic inflammatory demyelinating polyneuropathy,CIDP) จัดอยู่ในกลุ่มโรคหายาก ปัจจุบันยังไม่มีรายงานอุบัติการณ์ของโรค ในประเทศไทย จากข้อมูลในต่างประเทศพบว่าความชุกของโรคอยู่ที่ 5-7 คน ต่อประชากร 100,000 คน พบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และสามารถเกิดได้ในทุกช่วงอายุ สาเหตุของโรคเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีที่ผิดปกติ ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติจะไปทำลายปลอกประสาทมัยอีลินที่ห้อหุ้มเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้ปลอกประสาทมัยอีลินและเส้นประสาทส่วนปลายถูกทำลายและสูญเสียความสามารถในการทำงาน
ได้แก่ สูญเสียการรับรู้ความรู้สึกจากผิวหนัง และสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนที่กระตุ้น ให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติขึ้นมา
นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ร่วมกับมีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้า โดยอาการอ่อนแรงและอาการชามักจะเป็นที่แขนและขาทั้ง 2 ข้าง อาการของโรคจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเป็นมากกว่า 8 สัปดาห์ ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด อย่างไรก็ตามผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการอื่นๆได้ เช่น มีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง โดยมีอาการอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อส่วนปลายเล็กน้อย อาการอ่อนแรงของแขนข้างเดียวหรือ 2 ข้าง หรือมีอาการอ่อนแรงของแขนขา 2 ข้าง แบบไม่สมมาตร
แพทย์วินิจฉัยโรคโดยการซักประวัติและการตรวจร่างกายผู้ป่วย รวมถึงการตรวจเลือดและการตรวจไฟฟ้าวินิจฉัยของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ เป็นขั้นตอนการตรวจจะช่วยวินิจฉัยแยกโรค และประเมินความรุนแรงของโรคเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยจะได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ได้แก่ สเตียรอยด์ ยากดภูมิที่ไม่ใช่ สเตียรอยด์ อิมมูโนโกลบูลิน และการกรองพลาสมา
ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ
และลดการอักเสบทำให้อาการผู้ป่วยดีขึ้น แต่การรักษามีผลข้างเคียงสูงอาจทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง และติดเชื้อได้ง่ายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากโรคมีอาการหลากหลาย ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาการอาจรุนแรงมากขึ้นและทำให้เกิดความผิดปกติถาวร ดังนั้น ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและทำการรักษาต่อไป
ป่วยสมองอักเสบ อาการตัวชาและความทรงจำที่หายไป
จากที่มีข่าวอาการป่วยของนางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง คุณโยโกะ ทาคาโน่ ที่ป่วยเป็นโรคสมองอักเสบซึ่งส่งผลทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไป เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กัน โรคนี้มีชื่อเต็มว่า Chronic Inflammatory Demyelinating Polyradiculoneuropahty (CIDP) หรือ โรคเส้นประสาทอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทส่วนปลายและแกนกลางเส้นประสาททำให้การนำกระแสไฟฟ้าของเส้นประสาทส่วนปลายเสีย
ซึ่งปกติแล้วเส้นประสาทส่วนปลายจะมี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ แกนกลางของเส้นประสาทและเยื่อหุ้มปลายประสาทเกิดการอักเสบได้ทั้ง 2 ส่วน โดยเกิดจากความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกตินั้นมาทำลายเส้นประสาท
อาการของโรคสมองอักเสบ มีดังนี้
- จะมีอาการชา มีความรู้สึกผิดปกติตามปลายมือปลายเท้า
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ความดัน หัวใจ หรือกระเพาะปัสสาวะอาจมีอาการผิดปกติ
ขณะที่ในส่วนของสมองอักเสบนั้นจะเกิดในสมองส่วนบนที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ความรู้สึก หรือความนึกคิด รวมถึงความจำ มีสาเหตุมาจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือสมองอักเสบจากภูมิต้านตนเอง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายทำงานผิดปกติทำให้ภูมิคุ้มกันทำร้ายเนื้อเยื่อสมอง ทั่วทั้งสมอง จนเกิดสมองอักเสบ
สำหรับวิธีการรักษานั้น
เนื่องด้วยโรคนี้เกิดจากภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ จึงอาจจำเป็นต้องใช้ยากดภูมิ ซึ่งที่รู้จักในวงกว้างคือ สเตียรอยด์ โดยโรคนี้จะสังเกตได้จากอาการชาอ่อนแรง ปากเบี้ยว น้ำตาไหล น้ำลายไหล หลับตาไม่สนิท หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที
ข้อมูลจาก
รศ. นพ.พรเทพ ตั่นเผ่าพงษ์
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล