เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2564 โดยมีรายละเอียดหลักๆ ดังนี้ ขนาดสถานศึกษา จำนวนคณะกรรมการสถานศึกษา ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้
ขนาดเล็ก ไม่เกิน 300 คน
ขนาดใหญ่ เกิน 300 คนขึ้นไป
โรงเรียนขนาดเล็ก 9 คน โรงเรียนขนาดใหญ่ 15 คน (เหมือนเดิม)
ดำรงตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี และอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้ แต่ต้องไม่เกิน 2 วาระ
เนื่องจากกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพันจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาชั้นพื้นฐาน พ.ศ.2546
ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน รวมทั้งมีการยุบเลิกคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาและโอนอำนาจหน้าที่ไปเป็นของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด สมควรปรับปรุงจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงดำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสถานศึกษาชั้นพื้นฐานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
Back to top button
การดำเนินงานของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านหัวดอย
องค์ประกอบและการให้ได้มา ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย (กฎกระทรวงข้อ 2)
(1) ประธานกรรมการ
(มาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ)
(2) กรรมการที่เป็นผู้แทนผู้ปกครอง จำนวน 1 คน
(3) กรรมการที่เป็นผู้แทนครู จำนวน 1 คน
(4) กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรชุมชน จำนวน 1 คน
(5) กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 1 คน
(6) กรรมการที่เป็นผู้แทนศิษย์เก่า จำนวน 1 คน
(7)
กรรมการที่เป็นผู้แทนพระภิกษุสงฆ์และหรือผู้แทนองค์กรศาสนาอื่นในพื้นที่
- สถานศึกษาขนาดเล็ก จำนวน 1 รูป หรือ 1 คน
- สถานศึกษาขนาดใหญ่ จำนวน 2 รูป หรือ 2 คน หรือ 1 รูปกับ 1 คน
(8) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
- สถานศึกษาขนาดเล็ก จำนวน 1 คน
- สถานศึกษาขนาดใหญ่ จำนวน 6 คน
(9) ผู้อำนวยการสถานศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการสถานศึกษาขึ้นพื้นฐาน โรงเรียน บ้านหัวดอย จำนวน 15 คน. ดังนี้
*อ้างถึงหนังสือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ที่ ศธ 04043/1296 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2555 และคำสั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ที่ ศธ 206/2555
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีรายการดังต่อไปนี้
*หมายเหตุเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ตาม หนังสือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ที่ ศธ 04043/94 ลงวันที่ 9 มกราคม 2556 และคำสั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ที่ 19/2556 ดังนี้
1. เสนอแต่งตั้งให้ นางสำลี เทศสิงห์ แทน นายสุดใจ แก้วแสนเมือง (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
2. เสนอแต่งตั้งให้ นายรังสรรค์ จันทะโคตร แทน นายเสาร์ ตุ่นยานะ (ผู้ทรงคุณวุฒิ)
หน้าที่และบทบาทคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนบ้านหัวดอย
* ศึกษาและทำความเข้าใจในความมุ่งหมายหลักการของหารจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
* ศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของชุมชน/ท้องถิ่น ที่ตั้งของสถานศึกษา
* กำหนดแผนพัฒนาสถานศึกษา ด้านวิชาการบุคลากร งบประมาณ อาคารสถานที่ กิจกรรม
* กำหนดนโยบาย เป้า หมาย และทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
* กำหนดให้สถานศึกษา จัดทำธรรมนูญโรงเรียน
2. ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษา มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษา
* พิจารณาความสอดคล้องของแผนปฏิบัติการประจำปี กับแผนพัฒนาของสถานศึกษา
* พิจารณาถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมเกี่ยวกับวิธีการหรือยุทธศาสตร์การดำเนินงานของกิจกรรม งาน/โครงงานที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการของสถานศึกษา
* ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการของสถานศึกษา
3. กำกับและติดตามการดำเนินงานตามแผนของสถานศึกษา มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* ศึกษาหลักการ จุดหมาย โครงสร้างของหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน
* พิจารณาความสอดคล้องของสาระการเรียนรู้กับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
* พิจารณาความถูกต้องความสมบูรณ์ของสาระการเรียนรู้และความสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น
* ให้ความเห็นชอบในการจัดทำสาระการเรียนรู้ของสถานศึกษา
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กทุกคนในเขตบริการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงมีคุณภาพและได้มาตรฐาน มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* กำหนดแผนการกำกับและติดตามร่วมกับสถานศึกษา ได้แก่ วิธีการ ระยะเวลา
* ดำเนินการกำกับติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษาตามแผนที่กำหนดไว้ โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลาย
* ให้ข้อมูลป้อนกลับแก่สถานศึกษาและให้ความช่วยเหลือสนับสนุนและขวัญกำลังใจในการดำเนินงานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามแผนและมีวิธีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
5. ส่งเสริมสนับสนุนเด็ก
* สถานศึกษาจัดทำข้อมูล สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับจำนวนผู้เรียนการคมนาคม สภาพทางเศรษฐกิจ
* สนับสนุนและจัดหาที่เรียนให้แก่เด็กในพื้นที่บริการได้เข้าเรียนในสถานศึกษาให้มากที่สุด
* จัดหาทุนการศึกษาอุปกรณ์การศึกษาและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ แก่ผู้เรียนที่ขาดแคลน
6. พิทักษ์สิทธิเด็กดูแลเด็กพิการเด็กด้อยโอกาสและเด็กที่มีความสามารถพิเศษให้ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* สนับสนุนให้เด็กพิการ ได้มีการเรียนร่วมกับเด็กปกติ
* สอดส่อง ดูแลเด็กที่ได้รับการทารุณ กดขี่ ข่มเหง ล่วงละเมิดทางเพศ ใช้แรงงานเด็ก กักขัง ฯลฯ ให้ได้รับความช่วยเหลือและส่งไปขอรับบริการที่เหมาะสม
* สอดส่อง ดูแลเด็กที่มีความบกพร่อง ทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้หรือมีร่างกายที่พิการ หรือทุพพลภาพหรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง
* ส่งเสริม สนับสนุน ให้สถานศึกษาให้แก่เด็กที่มีความสามาถพิเศษให้ได้รับการพัฒนาเป็นรายบุคคลให้มากที่สุด
* สนับสนุน ส่งเสริมการทำงานร่วมกับ องค์กรการพิทักษ์สิทธิเด็ก
7.
เสนอแนะและมีส่วนร่วมในการบริหารด้านวิชาการด้านงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารงานทั่วไปของสถานศึกษา มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
7.1. การบริหารจัดการด้านวิชาการ
* มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานวิชาการของศึกษา
* มีส่วนร่วมในการจัดหาผลิตสื่อเพื่อพัฒนาการเรียน
7.2.
การบริหารจัดการด้านงบประมาณ
* มีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการบริหารใช้งบประมาณของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ
* มีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการตรวจสอบติดตามและประเมินผล
7.3. การบริหารจัดการด้านการบริหารงานบุคคล
*
มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนพัฒนาครูและบุคลากรอื่นในสถานศึกษาและส่งเสริมให้มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
* ให้ขวัญกำลังใจและยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ครูและบุคลากรอื่นในสถานศึกษา
8. ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิชาวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของนักเรียนทุกด้าน รวมทั้งสื่อสารจารีตประเพณีศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติ มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* หารายได้ทรัพย์สินและทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนจัดการเรียนการสอน
* ส่งเสริมและกำกับติดตามการใช้วิทยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่น
* ส่งเสริมและกำกับติดตามเพื่อให้สถานศึกษากิจกรรมที่ศึกษาจารีตประเพณีศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติพร้อมทั้งการยกย่องเชิดชูเกียรติภูมิปัญญาท้องถิ่นตามความเหมาะสมและโอกาสอันสมควร
9. เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชนตลอดจนประสานงานกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยากรของชุมชนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาร่วมกับชุมชน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
* ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยาการและให้บริการด้านต่างๆ แก่ชุมชน
10. ให้ความเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานประจำปีของสถานศึกษา ก่อนเสนอต่อสาธารณชน มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* ให้สถานศึกษาจัดทำรายงานผลการดำเนินงานประจำปี
* เสนอแนะในการปรับปรุงรายงานผลการดำเนินงานประจำปี
* ให้ความเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของสถานศึกษาก่อนเผยแพร่ของสาธารณชน
11. แต่งตั้งที่ปรึกษาและหรือคณะอนุกรรมการ เพื่อการดำเนินงานตามระเบียบนี้ ตามที่เห็นสมควร มีแนวปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
* ประธานกรรมการสถานศึกษาแต่งตั้งที่ปรึกษาและหรือคณะอนุกรรมการตามความเหมาะสมและความจำเป็นในแต่ละกรณี