ที่กล่าวข้างต้นเป็นสิ่งที่พนักงานใหม่จำเป็นจะต้องรู้ เพราะมันข้องเกี่ยวกับความปลอดภัยขณะที่ทำงานทั้งนั้น แล้วเมื่อพนักงานใหม่เข้ารับการอบรมเรื่องความปลอดภัยในการทำงานก็จะได้รับข้อมูลความรู้เบื้องต้นที่สำคัญ เพื่อจะได้นำไปใช้ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอันเป็นการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดเหตุนั้นๆ ซึ่งจะใช้หลักการ 5 ส. ได้แก่
(1) สะสาง หมายถึง การแยกสิ่งของที่สำคัญและไม่สำคัญออกจากกันอย่างชัดเจน
(2) สะดวก หมายถึง การจัดสิ่งของและเครื่องมือให้เป็นระเบียบ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
(3) สะอาด หมายถึง รักษาความสะอาดของเครื่องมือเครื่องใช้และซ่อมให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
(4) สุขลักษณะ หมายถึง การปฏิบัติ 3 ข้อข้างต้นอย่างต่อเนื่อง
(5) สร้างนิสัย หมายถึง การฝึกนิสัยให้นำทั้ง 4 ข้อไปปฏิบัติจนติดเป็นนิสัยในระยะยาว
นอกจากนี้ก็ยังมีกฏสำคัญที่จะได้รับรู้จากการอบรมด้วย นั่นก็คือ ‘กฏ 5 รู้’ มีดังนี้
(1) รู้งานที่ปฏิบัติว่ามีอันตราอย่างไรและมีขั้นตอนการทำงานอย่างไร หมายถึง ทำความเข้าใจในเนื้องานหรือกระบวนการดำเนินงานให้ชัดเจน รวมถึงทบทวนถึงอันตรายที่สามารถจเกิดขึ้นได้และคิดถึงวิธีการป้องกันปัญหาล่วงหน้า
(2) รู้การเลือกใช้เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ หมายถึง ถ้าจะต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในการทำงานก็ควรจะศึกษาว่าอุปกรณ์นั้นๆ เหมาะสมกับการใช้งานแบบใดและไม่ควรจะนำไปใช้ในเรื่องใด
(3) รู้วิธีการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ หมายถึง เครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ต้องมีทักษะในการใช้งาน หากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับตนเองและคนรอบข้างได้ ฉะนั้นจึงควรจะศึกษาวิธีใช้ให้เข้าใจ เพื่อลดสาเหตุการเกิดอันตรายให้ได้มากที่สุด
(4) รู้ข้อจำกัดการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ หมายถึง นอกจากจะรู้จักการเลือกรวมถึงวิธีการใช้เครื่องมือแล้ว ยังต้องรู้ขีดจำกัดหรือคุณสมบัติของอุปกรณ์วาทนทานแค่ไหน
(5) รู้วิธีการบำรุงรักษาเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ หมายถึง เมื่อรู้เรื่องเครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่จะต้องใช้งานแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การบำรุงรักษา เพื่อจะให้เครื่องมือเครื่องใช้คงสภาพดีสามารถใช้งานได้ปลอดภัย รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุดด้วย
อีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การป้องกันอุบัติเหตุเกิดความสำเร็จ สิ่งนั้นคือ บันได 5 ขั้นสู่การป้องกันอุบัติเหตุที่สมบูรณ์ ได้แก่
(1) จัดตั้งองค์กรหรือบุคคลผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ต่อการติดตามแก้ไขอันตราย และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นขณะทำงาน
(2) ค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุด้วยวิธีการต่างๆ
(3) วิเคราะห์อุบัติเหตุ เพื่อแยกประเด็นต่างๆ ให้ชัดเจน
(4) คัดเลือกมาตรการป้องกันที่เห็นว่าเหมาะสม
(5) นำมาตรการป้องกันนั้นๆ ไปประยุกต์ใช้งานและคอยติดตามผลการปฏิบัติ
แต่ละ 5 ข้อของหลักการทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับการประเมินผลออกมาแล้วว่า หากสามารถปฏิบัติได้จักเกิดผลดีด้านการป้องกันความปลอดภัยในที่ทำงาน โดยเฉพาะผลดีต่อพนักงานใหม่ผู้ซึ่งยังมีประสบการณ์ในที่ทำงานไม่มากนักจึงสมควรจะจดจำและหมั่นปฏิบัติ เพื่อให้เกิดเป็นนิสัย
เชื่อสิว่า ความปลอดภัยไม่ยากเกินกว่าความตั้งใจและการลงมือทำหรอก ขอเพียงแค่อย่าละทิ้งสิ่งที่ได้อบรมเรียนรู้เท่านั้น วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ทั้งเรื่องงานและเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน มันจะกลายเป็นเรื่องปลอกกล้วยเข้าปากเลย
ความปลอดภัย เป็นสิ่งที่เราควรจะเกิดขึ้นภายในชีวิตประจำวันของเรา เพราะการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ย่อมต้องพบกับความเสี่ยงมากมายจากหลาย ๆ ปัจจัย ซึ่งถ้าหากเราประมาทเพียงนิดเดียว ก็ทำให้เราต้องพบกับความอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนั่นเอง เพราะฉะนั้นเพื่อทำให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้น้อย จึงทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นสิ่งที่เราควรจะตระหนักเอาไว้ในทุก ๆ วันที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งความปลอดภัยนี้ก็ได้ถูกบัญญัติอยู่กฎหมาย เพื่อให้การคุ้มครองแก่ทุก ๆ คนอย่างเท่าเทียม และยังช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย และหนึ่งในความปลอดภัยที่เป็นที่พูดถึงนั้น นั่นก็คือ ความปลอดภัยในการทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือเอกชน ล้วนแล้วแต่จะต้องได้รับความปลอดภัยทั้งสิ้น และควรจะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องตระหนักและพึงระลึกถึงตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน เพราะเมื่อใดที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นก็ย่อมทำให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตเลยทีเดียว
ก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักกับความปลอดภัยในการทำงานนั้นเราควรที่จะมารู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุก่อนเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในภายหลังโดยสาเหตุของอุบัติเหตุสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนั่นก็คือ
สาเหตุจากการกระทําที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่
- การกระทําไม่ถูกวิธีหรือไม่ถูกขั้นตอน
- ความประมาท
- การมีนิสัยชอบเสี่ยง
- การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยในการทํางาน
- การทํางานโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
- การแต่งกายไม่เหมาะสม
- การทํางานโดยสภาพร่างกายและจิตใจไม่ปกติ
สาเหตุจากสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่
- ส่วนที่มีความเสี่ยงไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย
- การวางผังไม่ถูกต้อง รวมถึงการวางสิ่งของไม่เป็นระเบียบ
- พื้นของโรงงานขรุขระ และยังมีเศษวัสดุ น้ำมัน น้ำบนพื้น
- สภาพการทํางานไม่ปลอดภัย เช่น เสียงดัง อากาศร้อน ฝุ่นละออง
- เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ชํารุด
- ระบบไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าชํารุด
ดังนั้นแล้ว เพื่อที่จะป้องกันอุบัติเหตุเหล่านี้ เราจึงควรที่จะรู้วิธีการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์ ดังนี้
1. การป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ
หลักการ 5 ส. ได้แก่
- สะสาง หมายถึงการแยกแยะงานดี-งานเสีย
- สะดวก หมายถึงการจัดการให้เป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่
- สะอาด หมายถึงการทำความสะอาดเครื่องมือ สถานที่ ทั้งก่อนและหลังการใช้งาน
- สุขลักษณะ หมายถึง การที่จะต้องรักษาสุขอนามัยของตัวเอง เครื่องมือ และสถานที่
- สร้างนิสัย หมายถึง การสร้างนิสัยที่ดีเพื่อสร้างความปลอดภัยในสถานที่
กฎ 5 รู้
- รู้ ว่างานที่ปฏิบัติว่ามีอันตรายอย่างไร และมีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง
- รู้ ว่าควรเลือกใช้เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ อย่างไร
- รู้ เรื่องเกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์
- รู้ ถึงข้อจำกัดการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์
- รู้ วิธีการบำรุงรักษาเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์
2. การป้องกันขณะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะมีสิ่งที่ควรรู้หรือหลักการ ดังนี้
การรู้จักการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลเพื่อป้องกันอวัยวะของร่างกาย ดังนี้
- หมวกนิรภัย
- อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า ดวงตา
- อุปกรณ์ลดเสียง ป้องกันหู
- อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ
- อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย แขนขา
- อุปกรณ์ป้องกันมือ
- อุปกรณ์ป้องกันเท้า
การปฏิบัติงานโดยใช้การ์ดเครื่องจักร ซึ่งจะมีดังนี้
- การ์ดเครื่องกลึง
- การ์ดเครื่องเจียระไน
- การ์ดปิดส่วนที่หมุนของเครื่องจักร เช่น ฟันเฟือง
3. ป้องกันหลังการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก ซึ่งมีวิธีการดังนี้
- การอพยพ หลังการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งควรมีการวางแผนการอพยพเอาไว้ก่อน หรือควรรู้จักวิธีการขนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี
- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อลดอันตรายให้น้อยลง
- การสำรวจความเสียหายภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ สิ่งที่เราควรจะรู้ก็คือ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการรักษาความปลอดภัยในการทำงาน อันประกอบไปด้วย
1. เครื่องแต่งกาย และแบบฟอร์มที่เหมาะสมของผู้ปฏิบัติงาน โดยจะมีการตรวจสอบว่ามีความถูกต้องเหมาะสมเพียงใด
2. อาคารโรงงาน พิจารณาในด้านวัสดุที่ใช้ก่อสร้างอาคารมีความทนไฟหรือการผุกร่อนและมีอายุงานเท่าใด เป็นต้น
3. เครื่องมือเครื่องจักรกล มีการป้องกันอันตรายไว้เพียงใด
4. การทำความสะอาดให้เรียบร้อย รวมถึงตรวจสอบสภาพความพร้อมอีกด้วย
5. แสงสว่างภายในโรงงาน ที่จำเป็นจะต้องพิจารณาในด้านตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมของระบบโครมไฟฟ้า
6. การระบายอากาศ โดยการพิจารณาการหมุนเวียนของอากาศที่เข้าออกจากบริเวณทำงาน รวมทั้งคุณภาพของอากาศด้วย
7. ระบบการจัดเก็บและการดูแลควบคุมวัสดุ ซึ่งจะพิจารณาว่ามีแยกประเภทของวัสดุออกตามประเภทหรือไม่
8. ระบบฉุกเฉิน อาทิ การปฐมพยาบาล การดับเพลิง ทางหนีไฟ ทางออกฉุกเฉิน เครื่องช่วยชีวิต เป็นต้น
ดังนั้นแล้ว ความปลอดภัยในการทำงาน จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราควรจะตระหนักเอาไว้อย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติงานปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่ร้ายแรงถึงชีวิต รวมไปถึงสิ่งของมากมายที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้น ซึ่งจะช่วยทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นน้อยลง โดยจะสามารถแบ่งความปลอดภัยในการทำงานได้เป็น 3 สถานการณ์ โดยเริ่มจาก ก่อน ระหว่าง และหลังการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ซึ่งทั้งสามสถานการณ์นี้ ล้วนแล้วแต่มีวิธีการที่จะช่วยหยุดการเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ทั้งนั้น และที่ขาดไม่ได้ก็คืออุปกรณ์ในการป้องกันหรือช่วยชีวิต โดยในอุปกรณ์ช่วยชีวิตจะสามารถช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบในยามที่เกิดอุบัติเหตุนั้นได้ทันท่วงที หรือจะเป็นอุปกรณ์นิรภัยที่จะช่วยทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าเราจะต้องทำงานอยู่ในที่สูง หรือมีระดับความเสี่ยงอย่างมากเพียงใดก็ตาม ดังนั้นแล้ว ความปลอดภัยในการทำงาน จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในการประกอบอาชีพทุก ๆ อาชีพนั่นเอง